วิธีดูแลรักษาจักรเย็บผ้า 1.หลังจากใช้จักรแล้วทุกครั้ง ให้ทำความสะอาดโดยใช้แปรงปัดฝุ่นออกจากฟันจักรและเปลกระสวย ใช้สำลีหรือผ้ากำมะหยี่ทำความสะอาดหัวจักรทั่ว ๆ ไป 2.ในขณะใช้จักรควรใช้มือดึงสายพานเพื่อให้ล้อประคับหมุน ไม่ควรใช้มือหมุนล้อประคับเพราะจะทำให้ล้อประคับเป็นสนิมได้ง่าย 3.หลังจากเย็บจักรแล้ว ควรหยอดน้ำมันตามส่วนที่เป็นรูสำหรับหยอดน้ำมันที่หัวจักร และตามข้อเหวี่ยงของตัวจักรให้ทั่ว โดยใช้น้ำมันเพียง 1-2 หยดต่อ 1 แห่ง ควรหยอดนำมัน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือตามความจำเป็น 4.การเก็บจักรควรเก็บให้ห่างจากฝาผนังหรือกำแพงหรือที่ชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิมได้ง่าย 5.ถ้าเก็บจักรไว้เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้ใช้ให้ทาด้วยจาระบีอย่างใสทุกส่วนที่เป็นโลหะเพื่อกันสนิม หรือพับหัวจักรเก็บและใช้ผ้าคลุมจักรให้มิดชิด 6.ใช้ผ้าผืนเล็ก ๆ รองใต้ตีนผีหลังจากใช้จักรแล้ว และลดตีนผีลง จะช่วยให้สปิรงกดตีนผีทนทานขึ้น 7.ถ้าพบว่ามีเศษด้ายติดอยู่ในบริเวณฟันกระสวยให้รีบเอาออก 8.ปิดจักรทุกครั้งที่ใช้เสร็จแล้ว โดยคลายหมุดบังคับวงล้อแล้วเอาสายพานออก |
วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2554
การดุแลจักรเย็บผ้า
การรักษาหุ่นให้สวย
วิธีรักษาหุ่นให้สวย ไม่ให้อ้วนมากไปวันนี้เรามีวิธีรักษาหุ่นให้สวยและไม่ให้อ้วนมากจนเกินไปมาฝากคุณผู้หญิงด้วยนะค่ะ เพราะเชื่อว่าคงจะไม่มีผู้หญิงคนไม่อยากที่จะหุ่นไม่ดีจริงไหมค่ะ แต่เรื่องของปากเนี่ยเป็นที่รู้กันดีว่าห้ามยากห้ามเย็นเหลือเกินแต่ยังไงก็ต้องสะกดใจไว้บ้างนะค่ะ แต่ก็เอาเถอะค่ะคุณลองมาดู วิธีรักษาหุ่นให้สวย ของเรากันก่อน คิดว่าน่าจะช่วยคุณผู้หญิงได้หลาย ๆ เลยทีเดียวค่ะ แต่อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ที่ความใจแข็งของคุณด้วยนะค่ะเนี่ย เอาล่ะเรามาดู วิธีรักษาหุ่นให้สวย กันเลยดีกว่าค่ะวิธีรักษาหุ่นให้สวยเพราะใครๆ ก็อยากมีรูปร่างสลิม สเลนเดอร์ด้วยกันทั้งนั้น แต่ในเมื่ออ้วนไปแล้ว ก็อย่าเผลอไปตามใจปากอีกจน ทำให้มีน้ำหนักเกินไปกว่าที่เป็นอยู่ก็ละกัน เอ้า เมื่อตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าไม่อยากอ้วน ก็มาลองทำตามนี้กันมะ - เคยได้ยินบางท่านชอบพูดเล่น ๆ ไหมว่า ถ้าไม่อยากอ้วนก็อย่ากินสิ แหม๋..ถ้าไม่ทานซะเลยแล้วพวกเราจะมีเรี่ยวมีแรงทำงานหาเลี้ยงชีพกันรึจ๊ะ ดังนั้น การควบคุมน้ำหนักจึงไม่ใช่ไม่กินอะไรเลยแต่ควรทานในปริมาณที่น้อยต่างหากล่ะ - ควรงดรับประทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ติดมันและอาหารทอด ถึงแม้รู้ทั้งรู้ว่า เนื้อสัตว์ติดมันหยั่งงี้น่ะ อร๊อย...อร่อย เช่น ขาหมู, หมูสามชั้น, กุนเชียงทอด, กากหมู, หนังไก่ทอด, ทอดมัน อะไรเหล่านี้ แหม๋...พูดแล้วน้ำลายไหล ถึงแม้จะอร่อยยังไงก็ขอให้อดใจไว้ซะเหอะ - หยุดกินจุบกินจิบล่ะได้ไหมล่ะ แต่ไม่รู้ล่ะถึงยากแค่ไหนก็ควรลองก่อนนะเพราะการกินขนมกรุบกรอบหรือขนมขบเคี้ยวระหว่างมื้อ หรือรับประทานขนมแบบไม่เป็นเวล่ำเวลาน่ะจะทำให้พวกเรากินเกินและกินเพลินจนลืมยับยั้งชั่งใจสิว่า กินแล้วน้ำหนักมันจะขึ้นไปอีกกี่ขีดก็บ่อฮู้ - เพลา ๆ กิจกรรมนัดเพื่อนไปทานข้าวซะมั่ง เออแล้วทานข้าวกะเพื่อนนี่ก็ไม่รู้เป็นไงกินอะไรก็อร่อยไปหมด แต่ถ้ายังอยากรักษาหุ่นละก็คงต้องใจแข็งบอกปัดบ้างแล้วล่ะ เชื่อสิเพื่อนที่ดีย่อมเข้าใจแน่นอน |
ท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
| |||||||||||||||||||||||||||
|
วิะธีการเลือกผักและผลไม้
การเลือกซื้อผักผลไม้
ผักและผลไม้เป็นอาหารประจำวันที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และกากใยอาหาร ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แจ่มใส มีแรงต้านทานโรค ทำให้ผิวพรรณและนัยน์ตาสดใส เหงือกและฟันแข็งแรง ช่วยระบบประสาท ช่วยให้ระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหารทำงานด้วยดี
แต่เนื่องจากในสังคมปัจุบัน เทคโนโลยีการเกษตรมีการพัฒนามากขึ้น การใช้สารพิษกำจัดแมลงจึงมีอยู่ทั่วทุกแห่ง แต่เนื่องจากอาจใช้สารพิษกำจัดแมลงเป็นไปโดยขาดความรู้และความรับผิดชอบบางรายใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ใช้สารพิษร่วมกันหลายชนิด และการเก็บเกี่ยวผลผลิตก่อนครบกำหนดระยะเก็บเกี่ยว จากการใช้สารพิษกำจัดแมลงทำให้สารพิษยังสลายตัวไม่หมด และตกค้างอยู่ในผัก ผลไม้ นอกจากนั้นยังมีสารพิษจำนวนหนึ่งตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม เช่น ในดินและน้ำ จะเข้าไปสะสมในผักผลไม้ ยากแก่การกำจัดหรือลดปริมาณลง
ฉะนั้นเมื่อเรารับประทานผักและผลไม้ สารพิษนั้นก็จะเข้าสู่ร่างกายโดยตรง หากมีสารพิษตกค้างในร่างกายในปริมาณที่มาก จะทำให้เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง อาจมีอาการหน้ามืด วิงเวียน ปวดศีรษะ ตกใจง่ายมองไม่ชัด อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน เป็นตะคริว ชักกระตุก แน่นหน้าอก เหงื่อออกมาก รูม่านตาหรี่เล็กน้ำตา-น้ำมูก-น้ำลายไหล ผิวหนังเป็นตุ่มนูน กล้ามเนื้อสั่นกระตุก
ด้วยเหตุนี้เราชาวเจทั้งหลายควรมีความพิถีพิถันในการเลือกซื้อผักผลไม้ที่ไม่มีสารพิษตกค้าง หรือมีก็มีในจำนวนน้อยที่สุด เพื่อปัองกันไม่ให้ร่างกายของเราสะสมสารพิษจนเกิดเป็นอันตรายขึ้นมา
ไม่ควรเลือกชื้อผักที่มีใบสวยงามมากนัก ควรเลือกที่มีรูพรุนบ้าง แสดงว่าแมลงยังกินได้ เราก็กินได้เช่นกัน เนื่องจากใช้ยาฆ่าแมลงน้อยนั่นเอง ผักประะเภทกินหัวจะสะสมพิษตกค้างในดินมากกว่าผักกินใบ ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกผักที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง หรือใช้บ้างเล็กน้อย เช่น ตำลึง กระถิน ผักบุ้งถั่วงอก หัวปลี ดอกโสน ดอกแค หน่อไม้ เป็นต้น
ปัจจุบันในบางจังหวัดมีการปลูก “ผักกางมุ้ง” ที่ว่านี้หมายถึงผักที่ปลูกโดยใช้ตาข่ายไนล่อนกางปิดเพื่อป้องกันแมลงลงกัดกิน จึงไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง
ส่วนผลไม้นั้นหากมิได้ขึ้นตามกิ่งและผล แสดงว่าอาจไม่มีสารพิษตกค้างหรือมีไม่มาก เลือกผลไม้ที่ชาวบ้านปลูกตามธรรมชาติไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง เช่น กล้วย มะละกอไม่เลือกผลไม้ที่มีรูพรุนหรือมีรอยแตก เช่น ส้มต้องเลือกผิวเรียบไม่มีรูหรือรอยแตกเมื่อชื้อผักผลไม้มาแล้ว ต้องล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งควรล้างโดยใช้น้ำก๊อกไหลผ่านนานอย่างน้อย ๒ นาที ยิ่งดี หรืออาจใช้สารละลายอย่างใดอย่างหนึ่งล้างดังนี้
๑. น้ำยาล้างผัก
๒. น้ำด่างทับทิม ประมาณ ๕ เกล็ดใหญ่ต่อน้ำ ๔ ลิตร
๓. น้ำเกลือ ๒ ช้อนโต๊ะพูนๆ ต่อน้ำ ๔ ลิตร
๔. น้ำซาวข้าว ใช้ข้าวสาร ๒ กิโลกรัม ต่อน้ำ ๔ ลิตร (เวลาหุงข้าวเทน้ำเก็บไว้)
๕. น้ำส้มสายชู ใช้ครึ่งถ้วยต่อน้ำ ๔ ลิตร
๖. โซดาทำขนม โดยใช้ผงโซดา ๑ ช้อนโต๊ะต่อ น้ำ ๔ ลิตร
ผลไม้ที่เปลือกบางหรือผักกินสดเปลือกบางสามารถกินได้ทั้งเปลือก แต่ควรล้างให้สะอาดโดยหลังจากล้างด้วยสารละลายอย่างหนึ่ง ล้างด้วยน้ำสะอาดตาม การกินทั้งเปลือกจะได้รับวิตามินซีสูงกว่าปอกเปลือก
หากสามารถทำได้เช่นนี้แล้ว เราชาวเจทั้งหลายก็จะได้รับสารพิษที่ตกค้างในผักและผลไม้น้อยมากหรือแทบจะไม่ได้รับสารพิษเลยก็ว่าได้
วิธีการเลือกเนื้อสัตว์
โดย KABUKI GRILL เมื่อ 26 มกราคม 2011 เวลา 7:11 น.
การเก็บรักษาเนื้อสัตว์
วิธีการเก็บรักษาเนื้อสัตว์
เมื่อซื้อเนื้อสัตว์มาแล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 4
องศาเซลเซียสทันที ควรเก็บไว้่ไม่เกิน 2 - 3 วัน เนื่องจากอุณหภูมิ
ดังกล่าว เชื้อจุลินทรีย์ยังสามารถเจริญเติบโตได้ แต่มีอัตราเจริญเติบโต
ต่ำากว่าการไม่แช่เย็น หากต้องการเก็บในระยะเวลายาวนาน ต้องเก็บเนื้อ
สัตว์ไว้ในช่องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิต่ำากว่า -18 องศาเซลเซียส จะสามารถ
เก็บรักษาเนื้อสัตว์ได้นาน 12-18 เดือน
ถ้าซื้อเนื้อสัตว์ชนิดที่แช่แข็ง ควรนำามาแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
ทันที มิฉะนั้นเนื้อสัตว์จะละลาย และอาจเป็นสาเหตุให้เชื้อจุลินทรีย์เติบโตได้
ถ้าเนื้อสะอาดแล้วไม่ควรล้างทำาความสะอาดอีก เนื่องจากคุณค่า
ของอาหารจะละลายไปกับน้ำา และจะทำาให้เนื้อสัตว์เน่าเสียได้ง่าย
เนื้อสัตว์แช่เย็นดีอย่างไร
เนื้อสัตว์ ถือว่าเป็นอาหารที่เชื้อจุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโตได้ดี
โดยปกติการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์มีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง 6 ปัจจัย
ได้แก่แหล่งอาหาร ความชื้น อากาศ อุณหภูมิ เวลา และความเป็นกรด-ด่าง
ทั้งนี้อุณหภูมิของเนื้อสัตว์เป็นปัจจัยหลักที่มีความสำาคัญ หากเนื้อสัตว์
มีอุณหภูมิสูงกว่า 10 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะทำาให้เชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อโรค
อาหารเป็นพิษเพิ่มจำานวนได้รวดเร็ว บางครั้งเชื้อจุลินทรีย์จะสร้างสารพิษ
ที่มีอันตรายมาก สะสมอยู่ในเนื้อสัตว์ ซึ่งการนำาเนื้อสัตว์ไปปรุงสุก ไม่สามารถ
ทำาให้สารพิษดังกล่าวสลายได้ เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคเนื้อสัตว์ดังกล่าวป่วย
หรืออาจเสียชีวิตได้
การที่นำาเนื้อสัตว์ไปผ่านกระบวนการแช่เย็นนั้น เป็นวิธีการหนึ่ง
ในการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เป็นการเก็บรักษาควบคุม
คุณภาพ และรสชาติของเนื้อสัตว์ ทั้งนี้อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บรักษา
เนื้อสัตว์ คืออยู่ระหว่าง 4-10 องศาเซลเซียส
การเลือกซื้อเนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์ถือเป็นแหล่งอาหารที่สำาคัญต่อการบริโภคของมนุษย์
เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ วิตามินที่จำาเป็น รวมทั้งเป็นแหล่งพลังงาน
ให้แก่ร่างกาย
ในประเทศไทยผู้บริโภคนิยมบริโภคเนื้อสัตว์หลายชนิด ได้แก่
เนื้อสัตว์ปีก เนื้อสุกร และเนื้อโคกระบือ โดยความนิยมอาจมีความแตกต่างกัน
ในแต่ละภูมิภาค เชื้อชาติ และศาสนา
การเลือกซื้อเนื้อสุกร
ลักษณะเนื้อสุกรที่ดี
• ควรมีสีชมพูปนแดงเรื่อๆ นุ่ม ผิวเป็นมัน
เนื้อแน่น
• ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นเมือกลื่น
• ไม่ช้ำาเลือด ไม่แห้ง และไม่มีสีเขียว
• ไขมันสุกรควรมีสีขาวขุ่น
ข้อแนะนำ
ควรเลือกซื้อเนื้อสุกรจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรองจาก
กรมปศุสัตว์
กรณีซื้อเนื้อสุกรแช่เย็น ให้สังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์ ไม่ควร
เกิน 3 วัน นับจากวันที่ผลิตจนถึงวันที่ซื้อ
ไม่ควรเลือกเนื้อสุกรที่มีสีแดงเกินไป และมีชั้นไขมันบาง เพราะมีความ
เป็นไปได้สูงที่จะปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง
เนื้อสุกรที่ปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงถ้าหั่นและปล่อยทิ้งไว้ จะมีลักษณะแห้ง
และมีสีเข้มกว่าปกติ ส่วนเนื้อสุกรปกติเมื่อหั่นทิ้งไว้จะพบน้ำาซึมออกมา
บริเวณผิว เนื้อสุกรปกติจะมีเนื้อแดง 2 ส่วน (67%) ต่อไขมัน 1 ส่วน (33%)
แต่สุกรที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงจะมีปริมาณเนื้อแดงสูงถึง 3 ส่วน (75%)
ต่อไขมัน 1 ส่วน (25%)
การเลือกซื้อเนื้อโค และกระบือ
ลักษณะเนื้อโค และกระบือที่ดี
• ควรมีสีแดงสม่ำาเสมอตลอดทั้งชิ้น
• ควรมีไขมัน (marbling) แทรกกระจายอยู่ในชิ้นเนื้อ ในโคอายุน้อย
ควรมีไขมันสีขาวครีม ในโคแก่ หรือโคนมที่อายุพ้นวัยให้นมแล้ว
จะมีไขมันสีเหลือง
• ไม่ช้ำาเลือด ไม่แห้ง กดแล้วไม่บุ๋ม
• ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นเมือกลื่น
ข้อแนะนำ
ควรเลือกซื้อเนื้อโค และกระบือ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการ
รับรองจากกรมปศุสัตว์
กรณีซื้อเนื้อโค และกระบือแช่เย็น ให้สังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์
ไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันที่ผลิตจนถึงวันที่ซื้อ
ความแตกต่างระหว่างเนื้อโคกับเนื้อกระบือ
• เนื้อโคมีสีแดง เนื้อแน่นละเอียด ไขมันโคมีสีเหลือง
• เนื้อกระบือจะหยาบ เนื้อเหนียว และมีสีคล้ำากว่าเนื้อโค ไขมันที่ติดเนื้อ
กระบือจะมีสีขาว
การเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปีก
ลักษณะเนื้อสัตว์ปีกที่ดี
• ควรมีลักษณะเนื้อแน่น ผิวตึง เมื่อใช้นิ้วแตะต้องไม่เป็นรอยบุ๋ม
ตามแรงกด
• เนื้อมีสีสด ไม่ซีดหรือมีจ้ำาเขียว ใต้ปีก ขา และลำาคอที่ต่อกับลำาตัว
ต้องไม่มีสีคล้ำา
• ไม่มีจุดเลือดออกหรือตุ่มหนอง ไม่มีแผลตามตัว
• ลูกตาไม่ลึกบุ๋ม
• ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่เป็นเมือกลื่น
ข้อแนะนำ
ควรเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปีกจากแหล่งที่เชื่อถือได้ หรือได้รับการรับรอง
จากกรมปศุสัตว์
กรณีซื้อเนื้อสัตว์ปีกแช่เย็น ให้สังเกตวันที่ผลิตบนบรรจุภัณฑ์
ไม่ควรเกิน 3 วัน นับจากวันที่ผลิตจนถึงวันที่ซื้อ
การเลือกซื้อเนื้อไก่
• ถ้าเป็นไก่อ่อน เล็บจะแหลม หนังใต้อุ้งเท้าบาง เดือยสั้น เนื้ออก
หนาและนุ่ม
• ถ้าเป็นไก่แก่จะมีปลายเล็บมน หนังใต้อุ้งเท้าหนาแข็ง เดือยยาว
การเลือกซื้อเนื้อเป็ด
• ถ้าเป็นเป็ดอ่อน ปากและเท้าจะเป็นสีเหลือง
• ถ้าเป็นเป็ดแก่ เท้าจะมีสีดำา เนื้อจะเหนียว และมีกลิ่นสาบมาก
วิธีการประกอบคอมพิวเตอร์
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเราอย่างมากมาย
ผู้คนให้ความ สนใจกันอย่าง กว้างขวาง แทบจะทุกคนที่ต้องมีความเกี่ยวพันและใช้งาน
คอมพิวเตอร์ในทุกสาขาอาชีพ ทำให้คอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาให้ประกอบและติดตั้ง
เพื่อใช้งานได้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก... ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องยาก หากเราคิดที่จะประกอบ
เครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมาและติดตั้งโปรแกรมใช้เอง....ใช่ไหม?
ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์การประกอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ขึ้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น มีทั้งศาสตร์และศิลป์
คือต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ และต้องวางแผนลำดับขั้นตอน
การประกอบเครื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเพราะหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น อาจต้องถอด
อุปกรณ์เข้าออกหลายครั้งซึ่งอาจจะทำให้ อุปกรณ์นั้นเสียหายได้ ดังนั้น...เราจึงควร
จัดเตรียมสิ่งเหล่านี้นะคะ ...1. เตรียมและทำความรู้จักกับอุปกรณ์ที่จำเป็น
การเตรียมและทำความรู้จักกับอุปกรณ์ต่างๆ เ ป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบคอมพิวเตอร์
จะต้องทราบถึงความสำคัญและหน้าที่ของอุปกรณ์ที่จะประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
เรามาทำความรู้จักกับอุปกรณ์เหล่านี้เลยนะคะ..
เคส (Case) | เคส (Case) เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นโครงหรือกล่องสำหรับบรรจุ และยึดอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์เอาไว้ภายใน เช่น แผงวงจรหลักฮาร์ดดิสก์ หน่วยความจำ หน่วย ประมวลผลให้มีความมั่นคงกะทัดรัด เคลื่อนย้ายได้ ขณะเดียวกันก็เพื่อ ความปลอดภัย เช่นป้องกันไฟดูด ป้องกันอุปกรณ์สูญหายและการป้องกันการส่งคลื่น รบกวนการทำงานของอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ อาจทำ มาจาก โครงเหล็ก อลูมิเนียม หรือพลาสติก ลักษณะ ของเคสมีทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้ง ปัจจุบันผู้ผลิต มีการออกแบบรูปร่างหน้าสวยงามน่าใช้ ซึ่งมีมากมาย หลายราคาให้เลือกใช้ | ||||||||||||||||||
เมนบอร์ด (Mainboard) | เมนบอร์ด (Mainboard) เมนบอร์ด คือ แผงวงจรหลักที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วน อิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ ทำหน้าที่เป็นกลางทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานร่วมกันได้และเป็นศูนย์กลางในการต่อเชื่อมอุปกรณ์อื่น ไม่ว่าจะเป็น CPU, RAM, HDD, CD-ROM, FDD VGA CARD เป็นต้น เมนบอร์ดแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ จะสนับสนุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ไม่เหมือนกัน เมนบอร์ดใน ปัจจุบันมีอุปกรณ์มาพร้อมกับเมนบอร์ดมากขึ้น (on board) ทำให้สามารถประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ในราคา ที่ไม่แพงนัก | ||||||||||||||||||
ซีพียู (CPU) | ซีพียู (CPU:Central Processing Unit) คือ หน่วยประมวลผลกลาง : เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่คำนวณ และประมวลผล คำสั่งข้อมูลต่าง ๆที่ผู้ใช้ สั่งผ่านเข้ามาเปรียบเสมือน มันสมองของมนุษย์ ซีพียูได้รับการพัฒนาให้มีขีดความ สามารถสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตซีพียู ที่รู้จักกันดี คือ Intel และ AMD | ||||||||||||||||||
หน่วยความจำแรม (RAM ) | หน่วยความจำแรม (RAM:Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็น หน่วยความจำ ชนิดนี้ จะสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้า หล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข้อมูลที่ อยู่ภาย ในหน่วยความจำชนิดนี้จะหายไปทันที หน่วยความจำแรมทำหน้าที่ รับข้อมูลเพื่อส่งไปให้ CPU ประมวลผล | ||||||||||||||||||
ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) | ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เป็นสื่อบันทึกข้อมูลประเภทหนึ่ง (Storage Device) ปัจจุบันเป็นอุปกรณ์ ที่จำเป็น และ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ ติดตั้งมาพร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ใช้ในการ ติดตั้งระบบปฏิบัติการลงโปรแกรม ประยุกต์และ เก็บข้อมูล ของผู้ใช้ เนื่องจากโปรแกรมหรือข้อมูลในปัจจุบันมีขนาด ใหญ่ไม่สามารถที่จะเก็บลงในแผ่นดิสเก็ตได้หมด ฮาร์ดดิสค์ จะบรรจุอยู่ในกล่องโลหะปิดสนิท เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก หลุดเข้าไปภายใน ซึพียู | ||||||||||||||||||
เพาว์เวอร์ซัพพลาย (Power Suppy) | เพาว์เวอร์ซัพพลาย (Power Suppy) คือแหล่งจ่ายไฟ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญส่วนหนึ่ง ทำหน้าที่ แปลง สัญญาณ ไฟฟ้ากระแสสลับ จากแหล่งกำเนิดให้เป็นไฟฟ้า กระแสตรงด้วยความต่างศักย์ที่เหมาะสมก่อนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ โดยมีสายเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ประกอบต่างๆ ภายในเครื่อง ซึ่งในการแปลงสัญญาณไฟฟ้าดังกล่าวนี้จะก่อให้เกิดความร้อน ขึ้นด้วย ดังนั้นภายในแหล่งจ่ายไฟ จึงต้องมีพัดลมเพื่อช่วยในการ ระบายความร้อนออกจากตัวเครื่อง ซึ่งมีความสำคัญมากเพราะ การที่เครื่องมีความร้อนที่สูงมาก ๆ นั้น อาจจะเกิดความเสียหาย ต่ออุปกรณ์ประกอบภายในเครื่องได้ง่าย | ||||||||||||||||||
การ์ดแสดงผล (Display Card) | Display Card (การ์ดแสดงผล : การ์ดจอ) หลักการทำงานพื้นฐานของการ์ดแสดงผลจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อ โปรแกรมต่างๆ ส่งข้อมูลมาประมวลผลที่ซีพียูเมื่อซีพียู ประมวลผล เสร็จแล้ว ก็จะส่งข้อมูลที่จะนำมาแสดงผลบน จอภาพมาที่การ์ดแสดงผล จากนั้น การ์ดแสดงผล ก็จะส่ง ข้อมูลนี้มาที่จอภาพ ตามข้อมูลที่ได้รับมาการ์ดแสดงผล รุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาส่วนใหญ่ ก็จะมีวงจร ในการเร่งความเร็ว การแสดงผลภาพสามมิติ และมีหน่วยความจำมาให้มาก พอสมควร | ||||||||||||||||||
Sound Card (การ์ดเสียง) | Sound Card (การ์ดเสียง) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ประมวลภาพและสร้างสัญญาณเสียงต่างๆ เพื่อส่งออกไปยังลำโพง การ์ดเสียงได้รับการพัฒนาคุณภาพ อย่างรวดเร็วเพื่อ ให้ได้ประสิทธิภาพของเสียงและความผิดเพี้ยน น้อยที่สุด ความชัดเจนของเสียง จะมีประสิทธิภาพดีเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ อัตราการสุ่มตัวอย่าง และ ความแม่นยำ ของตัวอย่างที่ได้ ซึ่งความแม่นยำของตัวอย่างนั้น ถูกกำหนด โดยความสามารถของ A/D Converter ว่ามีความ ละเอียดมากน้อยเพียงใด ทำอย่างไรจึงจะประมาณค่าสัญญาณ ดิจิตอลได้ใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงมากที่สุด ความละเอียดของ A/D Converter นั้นถูกกำหนดโดยจำนวนบิตของสัญญาณ ดิจิตอลเอาต์พุตหากจำนวนระดับมากขึ้นจะทำให้ความละเอียด ยิ่งสูงขึ้นและการผิดเพี้ยนของสัญญาณเสียงยิ่งน้อยลง นั่นคือ ประสิทธิภาพที่ของเสียง ที่ได้รับดีขึ้นนั่นเอง แต่จำนวนบิตต่อ หนึ่งตัวอย่างจะมากขึ้นด้วย ในปัจจุบันนั้นผู้ผลิตเมนบอร์ดต่างก็นำการ์ดเสียงเข้าไป รวมกับแผงเมนบอร์ดเกือบทุกรุ่นแล้ว แต่การ์ดเสียงที่เป็นชิ้น ก็ยังคงมีขายอยู่ในปัจจุบันเพราะการ์ดเสียงที่อยู่บนเมนบอร์ดนั้น ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ยังไม่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ได้ | ||||||||||||||||||
ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ (FDD) | ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ (FDD) ฟล็อปปี้ดิสก์ไดรว์ หรือที่เราเรียกง่ายๆ ว่า Drive A คือ อุปกรณ์ ที่ใช้สำหรับอ่านแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ ขนาด 3.5 " มีขนาดความจุ 1.44 MB. แต่ในอดีตนั้น ดิสก์ไดรว์ลักษณะนี้จะมีอยู่หลายขนาด เช่น ขนาด 5 1/4" ซึ่งในอดีต เป็นที่นิยมใช้งานกันมากเพราะ สามารถพกพาไปไหนได้สะดวกและโปรแกรมการใช้งาน ในอดีตก็มีขนาดที่เล็กจนสามารถบันทึกลงไปในดิสก์แผ่นเดียวได้ ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมนักผู้ใช้บางคนนิยมเลือกใช้เป็นการ์ดรีดเดอร์ หรือหน่วยความจำแบบเฟรส (แฮนดี้ไดรว์) | ||||||||||||||||||
ซีดีรอมไดรว์ (CD-ROM ) | ซีดีรอมไดร์ว (CD-ROM Drive) คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลต่างๆ ที่อยู่บน CD-Rom ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาซีดีรอมไดรว์ไห้สามารถเขียนแผ่น CD-R ,CD-RW , DVD-R และ DVD-RW ได้ ซึ่งนอกจาก ความหลากหลายในการอ่านและเขียนข้อมูลแล้ว ก็ยังได้มีการ พัฒนาความเร็วในการอ่านและเขียนควบคู่กันไปด้วย | ||||||||||||||||||
ตัวอย่างไขควง และน๊อตแบบต่างๆ ไขควงปากแบนและไขควงแฉกขนาดกลาง - ใช้ขันน๊อตยึดเมนบอร์ด เข้ากับตัวเคส ยึดการ์ดเพิ่มเติมติดตั้งฟล็อบปี้ดิสก์ ซีดีรอมไดรว์ และฮาร์ดดิสก์ ตลอดจนการปิดฝาเคส
ภาพการจัดเตรียมเคสเพื่อประกอบคอมพิวเตอร์ การติดตั้งซีพียูบนเมนบอร์ดในปัจจุบันจะสะดวกกว่าเมื่อก่อนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ จะเป็นซ็อคเก็ต (Socket) หรือที่เราใช้เรียกชื่ออย่างเป็นทางการว่า PGA (pin Grid Array) ซีพียูที่ใช้ช่องเสียบหรือซ็อคเก็ตแบบ PGA นั้นก็คือ ซีพียูที่มีขาทั้งตัวอยู่ใต้แผ่นเซรามิคหรือ แผ่นพลาสติกแบนๆ ซึ่งมีหลายรุ่นและใช้เสียบ กับซ็อคเก็ต แบบต่างๆกัน ซ็อคเก็ตในปัจจุบัน จะเป็นแบบ ZIF (Zero InsertionForce)ที่เพียงแต่ง้างกระเดื่องอกทางด้านข้าง แล้วโยก ขึ้นมา จากนั้นก็วางซีพียูลงไป แล้วกดกระเดื่องกลับเข้าไป โดยดันกลับไปจนสุดกระเดื่องจะกลับ เข้าล็อคและยึดซีพียูให้อยู่กับที่ ดังนั้นเวลาติดตั้งกับซ็อคเก็ตบนเมนบอร์ดให้หันมุมที่มีรอยหยัก ให้ตรงกับด้านที่มีรอยหักบนเมนบอร์ดก็จะเสียบได้พอดี แต่หากใส่ไม่เข้าอย่าฝืนดันเข้าไปนะคะ !... #...ควรถอดออกมาตรวจสอบและตรวจดูมุมหักให้ถูกต้องแล้วจึงใส่เข้าไปใหม่ค่ะ...#
ภาพการติดตั้งซีดีรอมหรือดีวีดีรอม
ภาพการติดตั้งการ์ดจอและการ์ดเสียง
นอกจากอุปกรณ์มาตรฐานแล้ว อาจมีอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมายที่สามารถติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไปได้อีก ทั้งแบบติดตั้งภายในตัวเครื่อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ตัวที่สอง และไดร์วต่างๆและแบบที่ติดตั้งเข้ากับพอร์ตต่างๆ เช่น พริ้นเตอร์, (Printer),สแกนเนอร์, โมเด็ม (External), Access Point,USB Flash Drive, กล้องดิจิตอล และกล้องถ่ายวิดีโอดิจิตอล เป็นต้น ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดและวิธีการกำหนดให้ใช้งาน ที่แตกต่างกันไป
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)