วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ดอกไม้หลากหลายชีวิต

แด่ดอกไม้หลากหลายพันธุ์


แด่ดอกไม้หลากหลายพันธุ์

     สัปดาห์ก่อน...ฉันมีโอกาสได้เข้าไปยังสำนักแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ
หลังจากที่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาเลยเป็นเวลาปีเศษแล้ว
การเข้ามาครั้งนี้ทำให้ได้อะไรกลับออกไปหลายอย่างมาก
โดยเฉพาะได้พบกับบทกวีชิ้นเล็กๆ...สำหรับดอกไม้ทุกช่อในครอบครัวของเรา
ฉันจำได้ว่าเคยได้อ่านมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้...เมื่อย้อนเวลากลับไปนานมากพอสมควร
มีโอกาสได้อ่านใหม่อีกครั้งก็ยังรู้สึกชื่นใจ...และชื่นชมท่านอยู่เช่นเดิมไม่เสื่อมคลาย
ที่รจนาได้อย่างเข้มแข็ง....เด็ดเดี่ยว...สมแล้วกับที่เป็นดอกไม้ของครอบครัวเราอย่างแท้จริง
ฉันคิดว่าเหมาะอย่างยิ่งที่ดอกไม้ในครอบครัวเราจะยึดเป็นแบบอย่าง...สตรีอกสามศอก
เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด...ฉันยังไม่เคยเห็นส้นตีนของดอกไม้ดอกนี้เปลี่ยนไป
ผิดกับท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายในรุ่นราวคราวเดียวกับท่าน...ที่เป็นผู้ชายอกครึ่งศอก
ผู้ที่ปากประกาศถึงส้นตีนของตัวเองอย่างไม่มียางอายได้เสมอ
แม้ในอดีตส้นตีนเหล่านั้นจะเคยหันไปคนละทิศคนละทาง...จนกระทั้งส้นตีนบางคู่เคยอยู่ตรงกันข้าม
แต่วันเวลาเปลี่ยนใจคนมันก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ...เพื่อ ???? ...ฉันก็ไม่อยากจะคิด
เพราะระดับสติปัญญาของฉันมันคิดไม่ทันคนรุ่นอายุจะหกสิบและเจ็ดสิบกว่า
เดี๋ยวจะโดนต่อว่าเรื่องปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม...เหมือนท่านหัวหน้าครอบครัว ( เงา ) ของฉัน
ตามคำโบราณ...แรงน้อยอย่ายกหนัก   วาจาเบาอย่าคิดห้ามคน
จนถึงวันนี้...ฉันไม่ค่อยจะแปลกใจกับท่าทีของท่านหัวหน้าครอบครัวคนใหม่เท่าใดนัก
ในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวต่อเหตุการณ์ 6 ตุลาคม  2519 ถึงกรณีที่มีผู้เสียชีวิตเพียงหนึ่งคน
พร้อมกับการสนับสนุนของท่าน รมต.มหาดไทย ว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุไอ้ปื้ด( ตำรวจ ) คนหนึ่งมันเมา...
แล้วทำปืนลั่นใส่เลยมีคนตายเกิดขึ้นหนึ่งคนอย่างที่ท่านหัวหน้าครอบครัวให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศไป
เพราะท่านขณะนั้นยศ ร.ต.อ. อยู่ในเหตุการณ์นั้นตลอด...โถโถ
ท่านสารวัตรกองปราบปรามผู้มีวิสัยทัศน์เฉียบคมสมกับดีอาร์ทางกฎหมายจริงๆ...
แต่ฉันอดที่จะแปลกใจอย่างมากที่สุด...ต่อท่าทีของเหล่าแกนนำผู้ที่เคยมีส้นตีนอยู่คนละทาง
ฉันอยากรู้จริงๆว่าถ้าหากคนที่เสียชีวิตและคนที่ร่วมอุดมการณ์เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน
กับท่านท่านเหล่าผู้ชายอกครึ่งศอกพวกนี้ลุกขึ้นมาพูดได้จะพูดว่าอย่างไร
ฉันว่าแต่ละคนคงแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยที่จะได้ยินคำตอบจาก...
ท่านที่หนึ่ง...อดีตเลขาศูนย์นิสิตนักศึกษาฯ ปี 2516 ...ท่านเกรียงกมล...
...ผมยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ในตอนนี้...
ท่านที่สอง...อดีตเลขาศูนย์นิสิตนักศึกษาฯ ปี 2519 ...ท่านสุธรรม...
คนนี้ไม่พูดช่วงนี้ขอหายสาบสูญก่อนครับ
ท่านที่สาม...อดีตสมาชิกพรรคแนวร่วมมหิดล ปี 2519...ท่านสุรพงษ์...
...ผมไม่รู้...
ท่านที่สี่...อดีตแกนนำพรรคจุฬาประชาชน ปี 2519...ท่านภูมิธรรม...
...ช่วงนี้ผมไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น...
ท่านที่ห้า...อดีตแกนนำนักศึกษาแพทย์...ท่านพรหมมินทร์...
คนนี้ช่วงนี้ไม่ว่างให้สัมภาษณ์เพราะงานยุ่งมากต้องไปเขียนบทความประชานิยม
เพื่อนฉันเขาเลยบอกว่า...ถ้าเป็นเขาคงจะตอบว่าความจำเสื่อม...
เพราะอายุมากขึ้นอีกทั้งงานสร้างพรรคพลังประชานิยมก็แสนหนัก
คงจะเช่นเดียวกับท่านที่หก...เจ็ด...และแปด  อันได้แก่...ท่านจาตุรนต์...ท่านจรัล...และท่านเหวง
ที่พร้อมใจกันเป็นโรคความจำเสื่อมกันไปทั้งหมด...เชื้อโรคนี้มันแรงจริงๆ
แต่ท่านที่ฉันขอปรบมือให้ในความเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกคือ...ท่านอดิศร...
ที่ออกมาแสดงความเห็นเตือนหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ว่า....
การพูดเล่นกับเหตุการณ์หกตุลาเดี๋ยวจะผลักมิตรไปเป็นศัตรู...
พร้อมกับบอกให้ท่านหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ขอโทษต่อวีรชนหกตุลาด้วย
เลยทำให้ท่าทีหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ของฉันเปลี่ยนไปทันทีทันใด
กลายเป็นไม่พูดถึงไม่ให้สัมภาษณ์ ...เป็นโรคความจำระยะสั้นเสื่อมไปอีกคน...โถโถ
แต่ก็ไม่ยอมออกมาขอโทษให้มันเสียฟอร์มหรอก...ไอ้เรื่องพูดได้จำไว้ด้วยสำหรับท่าน...โอเค โอเค
และอีกท่านที่ความทรงจำยังแจ่มแจ๋วพร้อมออกมานั่งชำระประวัติศาสตร์ได้
คือท่านวิทยา  แก้วภราดัย แห่งพรรค...( เงา )  ผู้ที่ถูกยิงเข้าที่ขาในวันนั้นที่ธรรมศาสตร์...นับถือ.นับถือ
           ชั่วโมงนี้...สำหรับฉันแล้วขอชื่นชมต่อดอกไม้ช่อนี้เสียมากกว่า...ดอกไม้ของปวงชน
เพราะฉันชอบภาษิตบทหนึ่งที่ว่า...รักดอกไม้ต้องถนอม  หากชอบชมจันทร์ก็อย่านอนเร็ว
อีกทั้งดอกไม้ช่อนี้ก็เลือกที่ขึ้นที่เติบโตได้อย่างทระนงองอาจเพราะมีแต่คนชื่นชมใส่ใจดูแล
อยากจะได้เอาไปไว้ประดับบ้านเพื่อเป็นศรีแก่ครอบครัว...ทั้งหอมสดชื่นและหอมนาน
โดยไม่เคยคิดที่จะไปเติบโตอยู่ในกระถางราคาแพงของบ้านเศรษฐีที่เจ้าของชื่นชมอยู่คนเดียว
แต่คนในครอบครัวของฉันส่วนใหญ่...ส่ายหน้ากันเป็นทิวแถว
วันนี้เป็นอีกวันที่มีการเลือก สว. กันล่วงหน้า...มันทำให้ฉันตัดสินใจได้แล้วว่า
ฉันควรจะเลือกดอกไม้เข้าไปเป็นตัวแทนของฉันให้มากๆกว่าที่เป็นอยู่
เพราะชั่วโมงนี้...ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดอกไม้ดีหอมนานกว่า
เหล่าท่านสุภาพบุรุษผู้มีเกียรติทั้งหลาย
โดยเฉพาะดอกไม้ห้าสีที่มีรสนาดี...ทรนงองอาจเพื่อครอบครัวยิ่งกว่าชายอกสามศอก
เพราะฉันเห็นว่าบ้านเมืองเราคนเก่งมีมากแต่คนกล้าหาญมีน้อยนิดจริงๆ...โดยเฉพาะสุภาพบุรุษ
วันนี้ฉันตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกใครเป็นตัวแทนของฉันแล้วเพื่อนๆ...ตัดสินใจได้หรือยัง
สำหรับฉันเคยคิดว่าถ้าครอบครัวของเรามีตัวแทนเป็นดอกไม้เสียครึ่งหนึ่ง
หรืออาจจะหนึ่งในสาม...ครอบครัวเราจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรบ้างนะ
แต่สำหรับฉันคิดว่ามันคงจะไม่เลวลงไปกว่านี้แน่...เพราะฉันเชื่อในพลังความเสียสละของเพศแม่มาก
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเหล่าดอกไม้ทั้งมวลคงต้องร่วมกันคิด  ร่วมกันทำ  และร่วมกันดูแล
เขียนมาถึงตรงนี้อยากจะคิดเบาๆให้กับเพื่อนที่รักกันเท่านั้นฟังว่า
รู้ใจเราจะทุกข์ใจแทน   ไม่รู้ใจเราคิดว่าเพื่ออะไร
ก่อนจากกันวันนี้เลยขอคัดลอกบทกวีชิ้นเล็กๆของดอกไม้ดอกหนึ่ง
มาฝากดอกไม้อื่นที่มีอยู่เต็มสวนในครอบครัวเพื่อเป็นกำลังใจให้กันแลกัน...
เพราะฉันเชื่อในพลังของดอกไม้หลากหลายพันธุ์...เสมอ
                         
                       @ อหังการ์ของดอกไม้ @

      สตรีมีสองมีอ                       มั่นยึดถือในแก่นสาร
เกลียวเอ็นจักเป็นงาน                 มิใช่ร่านหลงแพรพรรณ
      สตรีมีสองตีน                     ไว้ป่ายปีนความใฝ่ฝัน
ยืนหยัดอยู่ร่วมกัน                      มิหมายมั่นกินแรงใคร
      สตรีมีสองตา                        ไว้เสาะหาชีวิตใหม่
มองโลกอย่างกว้างไกล              มิใช่คอยชะม้อยชวน
      สตรีมีดวงใจ                         เป็นดวงไฟไม่ผันผวน
สร้างสมพลังมวล                       ด้วยเธอล้วนก็คือคน
      สตรีมีชีวิต                            ล้างรอยผิดด้วยเหตุผล
คุณค่าเสรีชน                              มิใช่ปรณกามารมณ์
      ดอกไม้มีหนามแหลม          มิใช่แย้มรอคนชม
บานไว้เพื่อสะสม                      ความอุดมแห่งแผ่นดิน
                                         
                     จีระนันท์  พิตรปรีชา  ประพันธ์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น